ค้นหาเว็บ
Custom Search
วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555
วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555
วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555
ตำรวจสงสัยปืนในรถลั่นเจาะหัว "ฟารุต"
ความคืบหน้ากรณีนายฟารุต ไทยเศรษฐ์ บุตรชายของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา ถูกคนร้าย ยิงเสียชีวิตคารถยนต์ แลนด์ครุยเซอร์ ปราโด้ ในพื้นที่ ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา วันนี้ (5ก.ย.) พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภ. 3 เปิดเผยว่า หลังตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานกลางใช้เครื่องสแกน 3 มิติ ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อดูวิถีกระสุน ระยะการยิง และระยะห่างสูงต่ำของวิถีกระสุน พร้อมทั้งจำลองภาพเหตุการณ์เหมือนจริงออกมา โดยผลการตรวจพิสูจน์ต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ จากนั้นก็จะส่งหลักฐานที่ได้ให้พนักงานสอบสวนนำมาประกอบสำนวนในคดี โดยวิธีการตรวจดังกล่าวจะสามารถยืนยันได้ว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน ซึ่งจะมีผลอย่างมากต่อรูปคดี
ผบช.ภ.3 เปิดเผยต่อไปว่า ปลอกกระสุนขนาด .38 ที่พบในรถผู้ตาย จนถึงขณะนี้ทางฝ่ายของนายชาดา ก็ยังไม่นำอาวุธปืนมามอบให้ตำรวจตรวจสอบ ยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเหตุใดจึงต้องบ่ายเบี่ยง และยิ่งสอดคล้องกับประเด็นการไม่ยอมให้ตำรวจผ่าพิสูจน์ศพนายฟารุตเพื่อตรวจสอบหัวกระสุนว่าเป็นชนิดใด เพราะถ้าสามารถผ่าดูได้ก็จะรู้ทันทีว่าเป็นกระสุนที่ยิงมาจากปืนกระบอกใด เรื่องนี้ทำให้ตำรวจตั้งข้อสงสัยว่ามือปืนที่ยิงนายฟารุต เสียชีวิตน่าจะเป็นพวกเดียวกันหรือคนในรถทำปืนลั่นใส่นายฟารุตเองก็ได้ กระสุนปืน 9 มม. ที่ยิงมาจากนายมั่น พูลทรัพย์คู่กรณีที่เข้ามอบตัว อาจจะยิงไม่ถูกนายฟารุตก็เป็นไปได้ เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก และนายมั่นก็ให้การว่ายิงไปแค่ 3 นัด โดยไม่หวังผลและยิงในขณะมืออีกข้างหนึ่งถือพวงมาลัยรถด้วย อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานคดีนี้คืบหน้าไปมากกว่า 70% แล้ว คาดว่าภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ ทุกอย่างน่าจะสรุปหมดและปิดคดีได้.
ที่มา เดลินิวส์
วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555
"พิ้งกี้"รับส่งเอสเอ็มเอสกลับหา"พี่เป๊ก"ฝากคนปล่อยคลิปหยุดขำได้แล้ว
อีบ้าส.ค. ที่ชั้น 8 ห้างสรรพสินค้าเซน ในเซ็นทรัลเวิล์ด ได้จัดงาน “เซน บอดี้ เซนท์ 2012” โดยมีนางเอกสาว “พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช” มาร่วมงานด้วย ภายในงาน “พิ้งกี้” ถูกกองทัพสื่อมวลชนรุมล้อมสัมภาษณ์กรณีส่งเอสเอ็มเอส ถึง “เป๊ก-ร.ท.สัญชัย เองตระกูล” สามีดาราสาว “ธัญญ่า-ธัญเรศ เองตระกูล” จนเป็นข่าวครึกโครมอยู่ในช่วงนี้ โดยผู้สื่อข่าวได้ถามคำถามแรกว่า ตอนนี้รู้สึกยังไง “พิ้งกี้” กล่าวว่า วันนี้มาร่วมงาน ไม่ได้มาแถลงข่าว เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นตนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับใคร ขอให้จบได้แล้ว
ทั้งนี้ พิ้งกี้ กล่าวยอมรับว่าเอสเอ็มเอสเป็นของตัวเองจริง แต่เป็นเอสเอ็มเอสปกติ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น เจตนาที่ส่งก็ไม่มีอะไร เพราะพี่เป๊กส่งมาหาตนก่อนในโทรศัพท์เบอร์เก่าที่เลิกใช้เป็นปีแล้ว ตนไปเปิดเครื่องเจอข้อความเข้ามาพอดีจึงตอบกลับไปโดยไม่คิดอะไร ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าตอบกลับไป มันเหมือนเอสเอ็มเอสที่ส่งให้เพื่อนๆ ทุกคน ก็ไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ ขอยืนยันว่าไม่มีใครอยู่ในสมองนอกจากพ่อแม่และครอบครัว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือเรื่องคลิป ตนอยู่ของตนดีๆ ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับคลิป ส่วนคุณแม่ก็ต้องเข้าใจท่าน
อย่างไรก็ตาม ต้องฝากขอโทษด้วย ถ้าเอสเอ็มเอสของพิ้งกี้ทำให้ใครเข้าใจผิด พิ้งกี้ไม่มีเจตนา รวมทั้งขอโทษที่คุณแม่ไม่ดี แต่คุณแม่ไม่มีเจตนา พูดด้วยความจริงใจและบริสุทธิ์ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมที่จะต้องอัดเสียง หวังอะไรต่างๆ นานา
เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะหยุดส่งเอสเอ็มเอสหรือไม่ พิ้งกี้ กล่าวว่า ไม่เคยหยุด ไม่เคยส่ง พี่เป๊กส่งมาก่อน พอเปิดเครื่องเจอก็ตอบกลับไปเป็นภาษาแชท ที่คนแชททุกคนตอบกันเป็นปกติ เป็นแค่มารยาท เราเป็นมนุษย์ความเป็นมิตรมันควรจะส่งกันได้ โดยปกติพิ้งกี้ไม่ได้ใช้เบอร์นี้อยู่แล้ว อีกทั้งพิ้งกี้กับแม่ต้องทำงานทั้ง 7 วัน คงไม่มีเวลามานั่งส่งเอสเอ็มเอสถึงใครๆ และยืนยันว่าพิ้งกี้มีแต่พ่อแม่และครอบครัวอยู่ในสมอง เรื่องนี้ขอให้จบได้แล้ว ขอร้องไม่ต้องมาถามอีก ไม่ต้องกังวลรับประกันว่าจะไม่ทำให้พี่ๆ นักข่าว หรือใครๆ เดือดร้อนต้องเครียดอีก แต่ฝากขอร้องถึงคนที่ปล่อยคลิปที่สนุกได้หัวเราะกันแล้วกลับไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับสังคมบ้างดีกว่า
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)